คลอโรฟิลล์ พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำจากสหรัฐอเมริกา มีกลิ่นหอม ดื่มง่าย มีส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ

Original price was: 1,520 ฿.Current price is: 1,060 ฿.

ปริมาตรบรรจุ : 730 มิลลิลิตร/ขวด
วิธีใช้และขนาดรับประทาน : รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา(5 มิลลิลิตร)
                                         ต่อน้ำ 250 มิลลิลิตร วันละ 1 ครั้ง
วิธีเก็บรักษา : เก็บในที่แห้งและเย็นหลังจากเปิดใช้แล้ว , เก็บให้พ้นมือเด็ก
สารทำให้เกิดความชุ่มชื้น : กลีเซอร์รีน (Glycerin)
ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร : มีบาร์เลย์ (Barley Extract)
ควรรับประทานอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
คำเตือน : เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน , ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
ใบอนุญาต อย.เลขที่ 10-3-03142-1-0023

ส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

คุณประโยชน์ของส่วนผสม

ส่วนผสมน้ำคลอโรฟิลล์ พลัส ซินเนอร์จี้ (Chlorophyll plus Synergy)

     คลอโรฟิลล์ พลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำจากสหรัฐอเมริกา มีกลิ่นหอม ดื่มง่าย ในปริมาตร 5 มิลลิลิตร มีส่วนผสมที่พัฒนาการรมชาติที่สำคัญคือ

1.น้ำบริสุทธิ์ฅ
   Purified Water

4.495 กรัม (87.076%)

2.กลีเซอรีน
   Glycerin

0.645 กรัม (12.500%)

3.โซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลลิน
   Sodium Copper Chlorophyllin

0.015 กรัม (00.298%)

4.น้ำมันเปปเปอร์มินท์
   Peppermint

0.004 กรัม (00.084%)

5.สารสกัดอัลฟัลฟา
   Alfalfa Extract

0.001 กรัม (00.021%)

6.สารสกัดบาร์เลย์
  Barley Extract

0.001 กรัม (00.021%)

ประโยชน์ของโซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลลิน (Sodium Copper Chlorophyllin)

โซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลลิน เป็นอนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นรงควัตถุสีเขียวที่พบในพืช สารประกอบนี้มีประโยชน์หลายประการเช่น

  • ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
  • ปรับกลิ่นกายให้เป็นปกติ
  • อาจมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของตับในกระบวนการขจัดสารพิษ
  • อาจมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
  • มีโครงสร้างคล้ายกับฮีโมโกลบิน จึงอาจช่วยสนับสนุนการผลิตเม็ดเลือดแดง
  • บางคนใช้เพื่อจัดการปัญหาระบบย่อยอาหารและสุขภาพลำไส้

อย่างไรก็ตามแม้ว่าโซเดียม คอปเปอร์ คลอโรฟิลลิน แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในหลายด้านแต่สิ่งสำคัญคือต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบและการใช้งานที่เหมาะสมอย่างเต็มที่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทุกครั้งก่อนเพิ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่ในกิจวัตรประจำวันของคุณ

น้ำมันเปปเปอร์มินท์ (Peppermint) : ประโยชน์เพื่อสุขภาพและความงาม

น้ำมันเปปเปอร์มินท์ (Peppermint) เป็นน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากใบสดของต้นเปปเปอร์มินท์ มีกลิ่นหอมสดชื่น ถูกใช้มาหลายศตวรรษในวัฒนธรรมต่างๆและมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพและความงาม มาดูกันว่าน้ำมันชนิดนี้มีดีอย่างไร

  • กลิ่นหรือน้ำมันเปปเปอร์มินท์ช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
  • ความรู้สึกเย็นของน้ำมันเปปเปอร์มินท์สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากความเครียดเมื่อทาบริเวณขมับ
  • มีส่วนช่วยผู้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหาร อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • มีส่วนช่วยให้โพรงจมูกโล่ง หายใจได้สะดวก
  • กลิ่นหอมสดชื่น มีความรู้สึกคล้ายกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว และมีสมาธิ
  • มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ร่างกายดูไม่ตรงกับวัย
  • อาจมีส่วนช่วยให้อาการระคายเคืองผิวหนังอยู่ในสภาวะปกติ
  • กลิ่นของน้ำมันเปปเปอร์มินท์ช่วยไล่แมลง และสัตว์ฟันแทะรบกวน
  • ลมหายใจสดชื่นและมีสุขภาพช่องปากที่ปกติ

วิธีใช้น้ำมันเปปเปอร์มินท์:

  • สูดดม   :   หยดน้ำมัน 2-3 หยดลงในน้ำร้อน แล้วสูดดมไอระเหย หรือหยดสองสามหยดลงในเครื่องพ่นไอน้ำ หรือสูดดมโดยตรงจากขวด
  • ทาผิว    :   ผสมน้ำมันเปปเปอร์มินท์กับน้ำมันพาหะ เช่น น้ำมันมะพร้าว ก่อนทาบนผิว
  • อาบน้ำ  :  หยดน้ำมัน 5-6 หยดลงในอ่างอาบน้ำ เพื่อการแช่ตัวคล้ายรู้สึกสดชื่น

ข้อควรระวัง:

  • ห้ามรับประทานน้ำมันเปปเปอร์มินท์โดยตรง
  • ทดสอบการแพ้ก่อนใช้บนผิวหนัง
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • เจือจางทุกครั้งก่อนทาบนผิวหนัง
  • หลีกเลี่ยงการใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหากกำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีปัญหาสุขภาพเฉพาะ
  • ห้ามรับประทานโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

น้ำมันเปปเปอร์มินท์เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประโยชน์หลากหลาย ใช้อย่างถูกวิธีจะมีส่วนในการทำงานปกติตามปกติของสุขภาพและความงาม

ประโยชน์ของกลีเซอรีน (Glycerin)

  • กลีเซอรีนเป็นสารที่มีประโยชน์หลากหลาย และใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวันเช่น
  • กลีเซอรีนให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ให้ความรู้สึกคล้ายผิวนุ่มและเรียบเนียน
  • ส่วนผสมในเครื่องสำอาง : ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางหลายชนิด
  • มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของร่างกายที่มีอาการแสบร้อน
  • ใช้เป็นส่วนผสมในยาแก้ไอ สำหรับมีอาการระคายคอ
  • ใช้เป็นสารกันบูดในอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด
  • ใช้เป็นส่วนผสมในยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์หลายชนิด

 

กลีเซอรีนเป็นสารที่มีประโยชน์มากมาย ทำให้มีการใช้งานอย่างกว้างขวางในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมต่างๆเช่นเครื่องสำอาง ยา อาหาร

ประโยชน์ของสารสกัดบาร์เลย์ (Barley Extract)

สารสกัดบาร์เลย์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสกัดสารสำคัญจากเมล็ดข้าวบาร์เลย์ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์หลายประการเช่น

  • สารสกัดบาร์เลย์ มีเบต้า-กลูแคนสูง อาจมีส่วนช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ หลังรับประทานอาหาร
  • สารสกัดบาร์เลย์ มีปริมาณใยอาหารสูง อาจมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระดับคอเลสเตอรอลในเลือดซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ
  • สารต้านอนุมูลอิสระในสารสกัดบาร์เลย์ อาจมีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นปกติ
  • วิตามินและแร่ธาตุในสารสกัดบาร์เลย์ อาจมีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้รู้สึกคล้ายผิวชุ่มชื้น
  • ใยอาหารในสารสกัดบาร์เลย์อาจมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายปกติ และผู้มีอาการท้องผูก
  • ด้วยปริมาณแคลอรีที่ต่ำและใยอาหารสูง สารสกัดบาร์เลย์อาจช่วยทำให้อิ่มนาน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องน้ำหนักไม่อยู่ในค่าปกติ

การรับประทานสารสกัดบาร์เลย์อย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกาย จะช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม

 

สารสกัดอัลฟัลฟ่า (Alfalfa Extract) : ประโยชน์ทางสุขภาพที่น่าทึ่ง

อัลฟัลฟ่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ราชินีแห่งพืชอาหาร” เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญต่างยอมรับถึงคุณประโยชน์อันหลากหลายของสารสกัดจากพืชชนิดนี้ ดังต่อไปนี้:

  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่สมบูรณ์: อัลฟัลฟ่าอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินเค วิตามินซี และกรดโฟลิก รวมถึงแร่ธาตุสำคัญอย่างแคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยเสริมสุขภาพโดยรวม
  • สารต้านอนุมูลอิสระ : สารสกัดอัลฟัลฟ่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
  • สารสกัดอัลฟัลฟ่ามีส่วนช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี)ในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและ หลอดเลือด
  • สารไฟโตเอสโตรเจนในอัลฟัลฟ่าอาจมีส่วนช่วยวัยทองในสตรีเช่น อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืน
  • สารสกัดอัลฟัลฟ่าอาจช่วยในการทำงานตามปกติของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีภาวะเบาหวาน
  • เส้นใยในอัลฟัลฟ่าอาจช่วยในการทำงานตามปกติของระบบย่อยอาหาร อาการท้องผูก และสนับสนุนสุขภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • สารสกัดอัลฟัลฟ่ามีอาจช่วยคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรัง

แม้ว่าประโยชน์ของสารสกัดอัลฟัลฟ่าจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอื่นๆอยู่ การบริโภคอัลฟัลฟ่าในปริมาณที่เหมาะสมเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลสามารถเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมได้